Sprachniveau

Sprachniveau  – 6 ระดับความรู้ทางภาษาที่สำคัญ

Cshow

ระดับความรู้ทางด้านภาษา หรือ ภาษาเยอรมันเรียกว่า Sprachniveau เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาเยอรมันหรือภาษาอังกฤษเองก็ตาม เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่า คุณสามารถใช้ภาษาได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งการย้ายมาอยู่เยอรมนีด้วยแล้ว ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะมาเพื่อเรียนต่อ เพื่อทำ Ausbildung หรือแม้แต่การย้ายตามสามีหรือแฟนมาอยู่ที่นี่ เชื่อเถอะว่า ภาษาเยอรมันเป็นสิ่งแรกที่คุณจะต้องเรียน 

นอกจากการเรียนภาษาให้เก่งแล้ว ยังต้องนำไปใช้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะภาษาเยอรมันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในเยอรมนี ต่อให้คุณเก่งภาษาอังกฤษแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าภาษาเยอรมันของคุณไม่ได้เรื่อง

ถ้าคุณเก่งภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษของคุณมีค่าขึ้นมาทันที 

Sprachniveau

ไม่ว่าจะเป็นการ ยื่นขอวีซ่าเข้าเยอรมนี ยื่นขอใบอนุญาตในมีถิ่นที่อยู่อาศัย (Aufenthaltserlaubnis) ยื่นสมัคร Ausbildung สมัครเรียนต่อ หรือแม้แต่การจะใช้ชีวิตที่นี่ให้อยู่รอด อย่างมีความสุข คุณจำเป็นต้องใช้ภาษาเยอรมันเป็นใบเบิกทางก่อนทั้งนั้น 

บทความนี้เรามีระดับต่างๆของความสามารถทางภาษามาฝากค่ะ มาดูกันว่ามีระดับไหนบ้างและแต่ละระดับจะต้องมีความสามารถระดับไหน ทำอะไรได้บ้าง 

หลายคนมองว่าเป็นเรื่องยาก ในการที่จะประเมินทักษะความสามารถทางภาษาของตนเองได้อย่างสมจริง ดีแค่ไหนถึงจะใช้คำว่า Fließend หรือ ฉันต้องเก่งแค่ไหน ถึงจะกล้าเขียนคำว่า “Verhandlungssicher ในใบสมัครงาน หรือ ใน Resume ได้

โดยทั่วไปแล้ว สมัครงานในเยอรมนีคุณสามารถบอกความสามารถทางภาษาได้ 2 แบบในการประเมินความรู้ของคุณ นั่นก็คือ แบบดังเดิมแบบคลาสสิกของคนเยอรมันและตามแบบอ้างอิงของ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) หรือ ภาษาเยอรมัน เรียกว่า Gemeinsamer Europäischer Referenzrahmen für Sprachen

สำหรับชาวต่างชาติอย่างเราๆ การประเมินตามแบบของ CEFR จะเป็นทางการมากกว่า เพราะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีความสำคัญมาก แต่การสมัครตำแหน่งฝึกงานเพื่อเรียนสายอาชีพ คุณอาจจะเขียนแบบคลาสสิกก็ได้

1️⃣ แบบคลาสสิกโดยสังเขป

ชื่อเรียกความสามารถ
Grundkenntnisseคุณเข้าใจประโยคง่ายๆ และสามารถพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อง่ายๆ ในชีวิตประจำวันได้
Gute Kenntnisseคุณสามารถสนทนา เขียนข้อความง่ายๆ และเข้าใจเนื้อหาได้
Fließendคุณสามารถพูดภาษาได้เกือบจะไร้ที่ติและสามารถสนทนาในเชิงลึกได้
Verhandlungssicherคุณมีความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ แม้ในทางธุรกิจและสถานการณ์ที่ซับซ้อนก็ตาม
Mutterspracheภาษาที่คุณใช้มาตั้งแต่เกิด หรือ ภาษาแม่
Cshow

2️⃣ ทักษะทางภาษาอ้างอิงของ CEFR

สามารถแบ่งออกเป็น 6 ระดับ (A1 ถึง C2) ได้ง่ายๆ ดังนี้

ระดับความสามารถ
A1ความรู้เบื้องต้น เช่น การทักทาย คำศัพท์ง่ายๆ
A2ขั้นพื้นฐาน: หัวข้อในชีวิตประจำวัน บทสนทนาที่เรียบง่าย
B1ระดับกลาง: เข้าใจข้อความ แสดงความสนใจ
B2ระดับกลางถึงค่อนข้างดีมาก: สนทนาได้อย่างคล่องแคล่ว
C1ขั้นสูง: สามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ อภิปรายหัวข้อที่ซับซ้อน
C2ระดับเจ้าของภาษา: เข้าใจและแสดงออกได้ทุกสิ่ง

มาดูกันว่า แต่ละระดับ ผู้เรียนควรจะมีความสามารถในการใช้ภาษาในระดับไหนได้บ้าง

✅ A1: ความรู้เบื้องต้น (Anfänger-Kenntnisse)

ความรู้ด้านภาษาสื่อสารได้ค่อนข้างจำกัด สามารถฟังและพูดในสถานการณ์ที่ง่ายๆ และสามารถสื่อสารอย่างง่าย ๆ หากคู่สื่อสารพูดช้าและชัดเจน เช่น

  • ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนและวลีง่าย ๆ ที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้
  • ➤ ผู้เรียนสามารถแนะนำตัวเองและผู้อื่นได้ รวมถึงสามารถถามและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่อาศัย สิ่งที่มี และคนที่รู้จัก เป็นต้น

A2: ขั้นพื้นฐาน (Grundlegende Kenntnisse)

ระดับนี้ ผู้ใช้ภาษาสามารถเข้าใจสำนวนพื้นฐานและสื่อสารได้อย่างง่ายขึ้น เช่น

  • ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อย เกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองโดยตรง(เช่น ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว สิ่งที่ชอบ การช็อปปิ้ง สถานที่ที่ชอบ การทำงาน ฯลฯ)
  • ➤ ผู้เรียนสามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลง่าย ๆ และเกี่ยวกับเรื่องที่คุ้นเคยได้
  • ➤ ผู้เรียนสามารถใช้คำศัพท์ง่าย ๆ เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ เรื่องในอดีต สิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการในปัจจุบันของตนเองได้

✅ B1: ระดับกลาง (Fortgeschrittene Verwendung)

ระดับ B1 ผู้ใช้ภาษาสามารถเข้าใจและสร้างข้อความที่เกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยและสามารถให้ความคิดเห็น รวมถึงการบรรยาย ในระดับการใช้งานขั้นสูงมากขึ้นได้ เช่น

  • ➤ สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความอย่างชัดเจนในภาษาระดับพื้นฐาน ถ้าข้อความนั้นพูดถึงหัวข้อที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะในบริบทของการทำงาน การเรียน หรือ การพักผ่อน
  • ➤ สามารถสร้างข้อความง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ตนเองคุ้นเคยหรือมีความสนใจได้
  • ➤ สามารถบรรยายประสบการณ์ เหตุการณ์ ความต้องการและความหวัง รวมถึงแสดงความความคิดเห็นหรืออธิบายแผนการอย่างสั้น ๆได้

B2: ระดับกลางที่ค้อนข้างดี สามารถใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจ (Selbstständige Verwendung)

ระดับ B2 นี้ ผู้ใช้ภาษาสามารถสร้างข้อความได้อย่างชัดเจน ละเอียด และมีความสามารถในการโต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ และมีความมั่นใจในการใช้ภาษา เช่น

  • ➤ สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความที่ซับซ้อน หัวข้อเฉพาะและนามธรรม รวมถึงการสนทนาเชิงเทคนิคในสาขาวิชาชีพของตนได้
  • ➤ สามารถโต้ตอบอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ และสามารถโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ➤ สามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน ละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ และอธิบายมุมมองของต้นเองเกี่ยวกับปัญหาต่างๆโดยให้ข้อดีและข้อเสียของทางเลือกต่าง ๆได้

✅ C1: สามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ (Fachkundige Verwendung)

ระดับ C1 ผู้ใช้ภาษาที่สามารถแสดงความคิดอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ภาษาด้วยความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกวัตถุประสงค์ เช่น

  • ➤ผู้เรียนสามารถเข้าใจข้อความที่ยาวและยากขึ้น และรับรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
  • ➤ ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง ได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ
  • ➤ ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาได้เหมาะสมกับสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ สำหรับการสื่อสารทางสังคม การเรียน และการทำงาน
  • ➤ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน มีโครงสร้างที่ดี และละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน แสดงความสามารถในการจัดระเบียบข้อความ ใช้คำเชื่อม และเชื่อมโยงความคิดในข้อความได้อย่างเหมาะสม

✅ C2: เทียบเท่าเจ้าของภาษา (Annähernd Muttersprache)

ระดับนี้ผู้เรียน สามารถใช้ภาษาเยอรมันได้คล่องแคล่ว เข้าใจและสื่อสารได้ง่ายในทุกเรื่อง รวมถึงความสามารถในการแยกแยะความหมายที่สอดคล้องคล้ายกัน เรียกได้ว่า สามารถใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยทีเดียว เช่น

  • ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่ผู้เรียนได้ยินหรืออ่านได้อย่างง่ายดาย
  • ➤ ผู้เรียนสามารถสรุปข้อมูลและข้อโต้แย้งจากแหล่งต่าง ๆ ผ่านการพูดและการเขียน และนำเสนออย่างสอดคล้อง
  • ➤ ผู้เรียนสามารถสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่วและแม่นยำมาก และสามารถรับรู้ความหมายที่คล้ายกันในสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่า

ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน ต่างก็มีการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษา สำหรับภาษาที่เราเห็นบ่อยๆและจำเป็น คือ ภาษาอังกฤษกับภาษาเยอรมัน

มาดูภาพรวมของใบรับรองระดับภาษาของภาษาเยอรมันและอังกฤษที่สำคัญ ว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างใช้เพื่ออะไร

ภาษาเยอรมัน

สถาบันและใบรับรองคำอธิบายระดับความรู้ที่จำเป็น /เทียบเท่าใช้เพื่อ
Goethe-Zertifikatใบรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกสำหรับภาษาเยอรมันในฐานะภาษาต่างประเทศA1–C2– ขอวีซ่าเข้าเยอรมนี
– ยื่นขอใบอนุญาตในมีถิ่นที่อยู่อาศัย
– สมัครทำ Ausbildung
– สมัครงาน
TestDaF (Test Deutsch als Fremdsprache)มุ่งเน้นเพื่อการศึกษาในประประเทศเยอรมนีB2–C1– สมัครเรียนต่อในเยอรมนี
– สมัครทำ Ausbildung
– สมัครงาน
DSH (Deutsche Sprachprüfung für den Hochschulzugang)จำเป็นสำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนีB2–C1– สมัครเรียนต่อในเยอรมนี
– สมัครทำ Ausbildung
– สมัครงาน

จะเห็นว่าการสมัครเรียนสายอาชีพในเยอรมนี ไม่ได้มีกำหนดว่า จะต้องเป็นใบประกาศจากสถาบันใด สถาบันหนึ่งเท่านั้น เพราะการสมัครฝึกอบรมไม่ได้กำหนดความรู้ทางภาษาตายตัว ที่สำคัญ คือ การแจ้งให้บริษัททราบว่า คุณมีความสามารถทางภาษาระดับไหน สามารถทำงาน สื่อสารด้วยภาษาเยอรมันได้หรือไม่ เท่านั้นเอง

ภาษาอังกฤษ

สถาบันและใบรับรองคำอธิบาย ระดับความรู้ที่สำคัญ
TOEFL (Test of English as a Foreign Language)การทดสอบที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสำหรับวัตถุประสงค์ทางวิชาการและวิชาชีพB1–C2
IELTS (International English Language Testing System)ได้รับการยอมรับโดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดาB1–C2
Cambridge Certificateระดับต่างๆ: PET (B1), FCE (B2), CAE (C1), CPE (C2)B1–C2
TOEIC (Test of English for International Communication)นิยมใช้ในด้านธุรกิจและความต้องการทางวิชาชีพA1–C1

แล้วเราจะสามารถปรับปรุงทักษะทางภาษาของเราให้เหมาะที่จะเขียนลงในเอกสารสมัครงานได้อย่างไร

ทักษะภาษาเป็นตัวเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน สมัครทำ Ausbildung ให้เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น สื่งต่างๆต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณเก่งภาษาได้เร็วขึ้น

ใช้แอพเรียนภาษา

เพื่อให้การเรียนภาษาเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ มีให้เลือกมากมายหลากหลาย ทำให้เราสามารถเรียนภาษาได้ทุกที ทุกเวลาที่เราต้องการ เช่น Mondly หรือ Babbel ทั้งสองแอพนี้เราเองก็ใช้อยู่ แนะนำเลยค่ะ

ดูหนัง ซีรีส์ และวีดีโอภาษาต่างประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือเยอรมัน นอกจากสนุกและยังได้ความรู้ด้วย

พอดแคสต์และหนังสือเสียงในภาษาต้นฉบับ

ทักษะการฟังเพื่อความเข้าใจถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเมื่อพูดถึงภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้การฟังบ่อยและหลากหลายสื่อ จะทำให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงและความเร็วในการพูดที่แตกต่างกันได้ง่าย

การอ่านหนังสือและบทความภาษาต่างประเทศ

การอ่านหนังสือหรือบทความภาษาต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และความเข้าใจข้อความ ควรเริ่มต้นด้วยข้อความง่ายๆ เช่น หนังสือเด็ก บล็อก หรือบทความออนไลน์ต่างๆ หรือ เลือกจากสิ่งที่เราชอบ เช่น หนังสือนวนิยายเรื่องโปรด

หลักสูตรเรียนภาษา

การลงเรียนภาษาเป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราเข้าใจและเรียนภาษาได้เร็วขึ้น ยิ่งเป็นการเรียนกับเจ้าของภาษาด้วยแล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้เรากล้าพูดและใช้ภาษามากยิ่งขึ้น

ใบรับรองถือเป็นเครื่องหมายแสดงคุณภาพทักษะด้านภาษาของคุณ บ่งบอกว่าคุณสามารถเข้าใจภาษานั้นได้จริงๆแค่ไหน

Cshow