ระดับความรู้ทางด้านภาษา หรือ ภาษาเยอรมันเรียกว่า Sprachniveau เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาเยอรมันหรือภาษาอังกฤษเองก็ตาม เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่า คุณสามารถใช้ภาษาได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งการย้ายมาอยู่เยอรมนีด้วยแล้ว ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะมาเพื่อเรียนต่อ เพื่อทำ Ausbildung หรือแม้แต่การย้ายตามสามีหรือแฟนมาอยู่ที่นี่ เชื่อเถอะว่า ภาษาเยอรมันเป็นสิ่งแรกที่คุณจะต้องเรียน
นอกจากการเรียนภาษาให้เก่งแล้ว ยังต้องนำไปใช้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะภาษาเยอรมันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในเยอรมนี ต่อให้คุณเก่งภาษาอังกฤษแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าภาษาเยอรมันของคุณไม่ได้เรื่อง
ถ้าคุณเก่งภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษของคุณมีค่าขึ้นมาทันที

ไม่ว่าจะเป็นการ ยื่นขอวีซ่าเข้าเยอรมนี ยื่นขอใบอนุญาตในมีถิ่นที่อยู่อาศัย (Aufenthaltserlaubnis) ยื่นสมัคร Ausbildung สมัครเรียนต่อ หรือแม้แต่การจะใช้ชีวิตที่นี่ให้อยู่รอด อย่างมีความสุข คุณจำเป็นต้องใช้ภาษาเยอรมันเป็นใบเบิกทางก่อนทั้งนั้น
บทความนี้เรามีระดับต่างๆของความสามารถทางภาษามาฝากค่ะ มาดูกันว่ามีระดับไหนบ้างและแต่ละระดับจะต้องมีความสามารถระดับไหน ทำอะไรได้บ้าง
หลายคนมองว่าเป็นเรื่องยาก ในการที่จะประเมินทักษะความสามารถทางภาษาของตนเองได้อย่างสมจริง ดีแค่ไหนถึงจะใช้คำว่า Fließend หรือ ฉันต้องเก่งแค่ไหน ถึงจะกล้าเขียนคำว่า “Verhandlungssicher ในใบสมัครงาน หรือ ใน Resume ได้
โดยทั่วไปแล้ว สมัครงานในเยอรมนีคุณสามารถบอกความสามารถทางภาษาได้ 2 แบบในการประเมินความรู้ของคุณ นั่นก็คือ แบบดังเดิมแบบคลาสสิกของคนเยอรมันและตามแบบอ้างอิงของ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) หรือ ภาษาเยอรมัน เรียกว่า Gemeinsamer Europäischer Referenzrahmen für Sprachen
สำหรับชาวต่างชาติอย่างเราๆ การประเมินตามแบบของ CEFR จะเป็นทางการมากกว่า เพราะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีความสำคัญมาก แต่การสมัครตำแหน่งฝึกงานเพื่อเรียนสายอาชีพ คุณอาจจะเขียนแบบคลาสสิกก็ได้
1️⃣ แบบคลาสสิกโดยสังเขป
ชื่อเรียก | ความสามารถ |
Grundkenntnisse | คุณเข้าใจประโยคง่ายๆ และสามารถพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อง่ายๆ ในชีวิตประจำวันได้ |
Gute Kenntnisse | คุณสามารถสนทนา เขียนข้อความง่ายๆ และเข้าใจเนื้อหาได้ |
Fließend | คุณสามารถพูดภาษาได้เกือบจะไร้ที่ติและสามารถสนทนาในเชิงลึกได้ |
Verhandlungssicher | คุณมีความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ แม้ในทางธุรกิจและสถานการณ์ที่ซับซ้อนก็ตาม |
Muttersprache | ภาษาที่คุณใช้มาตั้งแต่เกิด หรือ ภาษาแม่ |
2️⃣ ทักษะทางภาษาอ้างอิงของ CEFR
สามารถแบ่งออกเป็น 6 ระดับ (A1 ถึง C2) ได้ง่ายๆ ดังนี้
ระดับ | ความสามารถ |
A1 | ความรู้เบื้องต้น เช่น การทักทาย คำศัพท์ง่ายๆ |
A2 | ขั้นพื้นฐาน: หัวข้อในชีวิตประจำวัน บทสนทนาที่เรียบง่าย |
B1 | ระดับกลาง: เข้าใจข้อความ แสดงความสนใจ |
B2 | ระดับกลางถึงค่อนข้างดีมาก: สนทนาได้อย่างคล่องแคล่ว |
C1 | ขั้นสูง: สามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ อภิปรายหัวข้อที่ซับซ้อน |
C2 | ระดับเจ้าของภาษา: เข้าใจและแสดงออกได้ทุกสิ่ง |
มาดูกันว่า แต่ละระดับ ผู้เรียนควรจะมีความสามารถในการใช้ภาษาในระดับไหนได้บ้าง
✅ A1: ความรู้เบื้องต้น (Anfänger-Kenntnisse)
ความรู้ด้านภาษาสื่อสารได้ค่อนข้างจำกัด สามารถฟังและพูดในสถานการณ์ที่ง่ายๆ และสามารถสื่อสารอย่างง่าย ๆ หากคู่สื่อสารพูดช้าและชัดเจน เช่น
- ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนและวลีง่าย ๆ ที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้
- ➤ ผู้เรียนสามารถแนะนำตัวเองและผู้อื่นได้ รวมถึงสามารถถามและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่อาศัย สิ่งที่มี และคนที่รู้จัก เป็นต้น
✅ A2: ขั้นพื้นฐาน (Grundlegende Kenntnisse)
ระดับนี้ ผู้ใช้ภาษาสามารถเข้าใจสำนวนพื้นฐานและสื่อสารได้อย่างง่ายขึ้น เช่น
- ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อย เกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองโดยตรง(เช่น ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว สิ่งที่ชอบ การช็อปปิ้ง สถานที่ที่ชอบ การทำงาน ฯลฯ)
- ➤ ผู้เรียนสามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลง่าย ๆ และเกี่ยวกับเรื่องที่คุ้นเคยได้
- ➤ ผู้เรียนสามารถใช้คำศัพท์ง่าย ๆ เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ เรื่องในอดีต สิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการในปัจจุบันของตนเองได้
✅ B1: ระดับกลาง (Fortgeschrittene Verwendung)
ระดับ B1 ผู้ใช้ภาษาสามารถเข้าใจและสร้างข้อความที่เกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยและสามารถให้ความคิดเห็น รวมถึงการบรรยาย ในระดับการใช้งานขั้นสูงมากขึ้นได้ เช่น
- ➤ สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความอย่างชัดเจนในภาษาระดับพื้นฐาน ถ้าข้อความนั้นพูดถึงหัวข้อที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะในบริบทของการทำงาน การเรียน หรือ การพักผ่อน
- ➤ สามารถสร้างข้อความง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ตนเองคุ้นเคยหรือมีความสนใจได้
- ➤ สามารถบรรยายประสบการณ์ เหตุการณ์ ความต้องการและความหวัง รวมถึงแสดงความความคิดเห็นหรืออธิบายแผนการอย่างสั้น ๆได้
✅ B2: ระดับกลางที่ค้อนข้างดี สามารถใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจ (Selbstständige Verwendung)
ระดับ B2 นี้ ผู้ใช้ภาษาสามารถสร้างข้อความได้อย่างชัดเจน ละเอียด และมีความสามารถในการโต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ และมีความมั่นใจในการใช้ภาษา เช่น
- ➤ สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความที่ซับซ้อน หัวข้อเฉพาะและนามธรรม รวมถึงการสนทนาเชิงเทคนิคในสาขาวิชาชีพของตนได้
- ➤ สามารถโต้ตอบอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ และสามารถโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้อย่างสม่ำเสมอ
- ➤ สามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน ละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ และอธิบายมุมมองของต้นเองเกี่ยวกับปัญหาต่างๆโดยให้ข้อดีและข้อเสียของทางเลือกต่าง ๆได้
✅ C1: สามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ (Fachkundige Verwendung)
ระดับ C1 ผู้ใช้ภาษาที่สามารถแสดงความคิดอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ภาษาด้วยความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกวัตถุประสงค์ เช่น
- ➤ผู้เรียนสามารถเข้าใจข้อความที่ยาวและยากขึ้น และรับรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
- ➤ ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง ได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ
- ➤ ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาได้เหมาะสมกับสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ สำหรับการสื่อสารทางสังคม การเรียน และการทำงาน
- ➤ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน มีโครงสร้างที่ดี และละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน แสดงความสามารถในการจัดระเบียบข้อความ ใช้คำเชื่อม และเชื่อมโยงความคิดในข้อความได้อย่างเหมาะสม
✅ C2: เทียบเท่าเจ้าของภาษา (Annähernd Muttersprache)
ระดับนี้ผู้เรียน สามารถใช้ภาษาเยอรมันได้คล่องแคล่ว เข้าใจและสื่อสารได้ง่ายในทุกเรื่อง รวมถึงความสามารถในการแยกแยะความหมายที่สอดคล้องคล้ายกัน เรียกได้ว่า สามารถใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยทีเดียว เช่น
- ➤ ผู้เรียนสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่ผู้เรียนได้ยินหรืออ่านได้อย่างง่ายดาย
- ➤ ผู้เรียนสามารถสรุปข้อมูลและข้อโต้แย้งจากแหล่งต่าง ๆ ผ่านการพูดและการเขียน และนำเสนออย่างสอดคล้อง
- ➤ ผู้เรียนสามารถสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่วและแม่นยำมาก และสามารถรับรู้ความหมายที่คล้ายกันในสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่า
ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน ต่างก็มีการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษา สำหรับภาษาที่เราเห็นบ่อยๆและจำเป็น คือ ภาษาอังกฤษกับภาษาเยอรมัน
มาดูภาพรวมของใบรับรองระดับภาษาของภาษาเยอรมันและอังกฤษที่สำคัญ ว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างใช้เพื่ออะไร
ภาษาเยอรมัน
สถาบันและใบรับรอง | คำอธิบาย | ระดับความรู้ที่จำเป็น /เทียบเท่า | ใช้เพื่อ |
Goethe-Zertifikat | ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกสำหรับภาษาเยอรมันในฐานะภาษาต่างประเทศ | A1–C2 | – ขอวีซ่าเข้าเยอรมนี – ยื่นขอใบอนุญาตในมีถิ่นที่อยู่อาศัย – สมัครทำ Ausbildung – สมัครงาน |
TestDaF (Test Deutsch als Fremdsprache) | มุ่งเน้นเพื่อการศึกษาในประประเทศเยอรมนี | B2–C1 | – สมัครเรียนต่อในเยอรมนี – สมัครทำ Ausbildung – สมัครงาน |
DSH (Deutsche Sprachprüfung für den Hochschulzugang) | จำเป็นสำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนี | B2–C1 | – สมัครเรียนต่อในเยอรมนี – สมัครทำ Ausbildung – สมัครงาน |
จะเห็นว่าการสมัครเรียนสายอาชีพในเยอรมนี ไม่ได้มีกำหนดว่า จะต้องเป็นใบประกาศจากสถาบันใด สถาบันหนึ่งเท่านั้น เพราะการสมัครฝึกอบรมไม่ได้กำหนดความรู้ทางภาษาตายตัว ที่สำคัญ คือ การแจ้งให้บริษัททราบว่า คุณมีความสามารถทางภาษาระดับไหน สามารถทำงาน สื่อสารด้วยภาษาเยอรมันได้หรือไม่ เท่านั้นเอง
ภาษาอังกฤษ
สถาบันและใบรับรอง | คำอธิบาย | ระดับความรู้ที่สำคัญ |
TOEFL (Test of English as a Foreign Language) | การทดสอบที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสำหรับวัตถุประสงค์ทางวิชาการและวิชาชีพ | B1–C2 |
IELTS (International English Language Testing System) | ได้รับการยอมรับโดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา | B1–C2 |
Cambridge Certificate | ระดับต่างๆ: PET (B1), FCE (B2), CAE (C1), CPE (C2) | B1–C2 |
TOEIC (Test of English for International Communication) | นิยมใช้ในด้านธุรกิจและความต้องการทางวิชาชีพ | A1–C1 |
แล้วเราจะสามารถปรับปรุงทักษะทางภาษาของเราให้เหมาะที่จะเขียนลงในเอกสารสมัครงานได้อย่างไร
ทักษะภาษาเป็นตัวเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน สมัครทำ Ausbildung ให้เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น สื่งต่างๆต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณเก่งภาษาได้เร็วขึ้น
✅ ใช้แอพเรียนภาษา
เพื่อให้การเรียนภาษาเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ มีให้เลือกมากมายหลากหลาย ทำให้เราสามารถเรียนภาษาได้ทุกที ทุกเวลาที่เราต้องการ เช่น Mondly หรือ Babbel ทั้งสองแอพนี้เราเองก็ใช้อยู่ แนะนำเลยค่ะ
✅ ดูหนัง ซีรีส์ และวีดีโอภาษาต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือเยอรมัน นอกจากสนุกและยังได้ความรู้ด้วย
✅ พอดแคสต์และหนังสือเสียงในภาษาต้นฉบับ
ทักษะการฟังเพื่อความเข้าใจถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเมื่อพูดถึงภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้การฟังบ่อยและหลากหลายสื่อ จะทำให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงและความเร็วในการพูดที่แตกต่างกันได้ง่าย
✅ การอ่านหนังสือและบทความภาษาต่างประเทศ
การอ่านหนังสือหรือบทความภาษาต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และความเข้าใจข้อความ ควรเริ่มต้นด้วยข้อความง่ายๆ เช่น หนังสือเด็ก บล็อก หรือบทความออนไลน์ต่างๆ หรือ เลือกจากสิ่งที่เราชอบ เช่น หนังสือนวนิยายเรื่องโปรด
✅ หลักสูตรเรียนภาษา
การลงเรียนภาษาเป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราเข้าใจและเรียนภาษาได้เร็วขึ้น ยิ่งเป็นการเรียนกับเจ้าของภาษาด้วยแล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้เรากล้าพูดและใช้ภาษามากยิ่งขึ้น
ใบรับรองถือเป็นเครื่องหมายแสดงคุณภาพทักษะด้านภาษาของคุณ บ่งบอกว่าคุณสามารถเข้าใจภาษานั้นได้จริงๆแค่ไหน
Leave a Review