แชร์ประสบการณ์ การสมัครและเรียนสายอาชีพในเยอรมนี กว่าจะจบ มาเป็น Kauffrau im E-Commerce ไม่ใช่เรื่องง่าย
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เอาประสบการณ์ของตัวเองเกี่ยวกับการสมัครและเรียนสายอาชีพในเยอรมนี มาบอกเล่าให้ฟัง พร้อมทั้งเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกเรียนสายอาชีพ แทนการเรียนต่อปริญญาโท
สำหรับใครที่กำลังสนใจ หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกอะไรดี หวังว่าบทความนี้จะพอได้เป็นแนวทาง ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เริ่มกันที่ Ausbildung คือ อะไร
คือ ระบบการศึกษาสายอาชีพของเยอรมนี ที่มีทั้งการเรียนในโรงเรียนฝึกอาชีพ (Berufsschule – เบรูฟชูเล) ซึ่งจะสอนวิชาการและวิชาเฉพาะที่เกี่ยวกับอาชีพนั้นๆ ควบคู่ไปกับการเรียนภาคปฏิบัติ คือ ฝึกทำงานจริง ๆในบริษัท ห้างร้าน โรงแรม หรือ โรงงานที่รับคุณเข้าฝึกอบรม (Ausbildungsbetrieb)
การเรียนในสายนี้ผู้เรียนจะได้รับเงินเดือนจากบริษัทที่ไปฝึกงาน การเรียนสายอาชีพนี้จะใช้เวลานานระหว่าง 2 ถึง 3 ปีครึ่ง ขึ้นอยู่กับสาขาที่คุณเรียน จำนวนเงินเดือนที่จะได้รับก็เช่นกัน
การเรียนสายอาชีพในเยอรมนี มี 2 แบบ
- duale Ausbildung หรือ ระบบคู่ คือ เรียนทฤษฎีในโรงเรียนฝึกอาชีพ ควบคู่กับการทำงานในบริษัทไปด้วย เป็นระบบที่นิยมมาก เพราะเน้นภาคปฏิบัติเป็นหลัก
- schulische Ausbildung คือ เรียนในโรงเรียนฝึกอาชีพเป็นส่วนใหญ่ เน้นทฤษฎีเป็นหลัก จ่ายค่าเรียนเอง
ทำไมถึงเลือกเรียนสายอาชีพ แทนการเรียนต่อปริญญาโท
เราถามตัวเองว่า เราจะเรียนที่เยอรมนีเพื่ออะไร
คำตอบที่ได้ คือ เราต้องการทำงานที่นี่ และต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงานของที่นี้ให้เร็วที่สุด
ซึ่งการเรียนสายอาชีพระบบคู่ ก็ตอบโจทย์ให้เราได้ ความแตกต่างที่สำคัญของการเรียนสายอาชีพของ 2 ระบบข้างต้นที่กล่าวมา คือ ประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งจำเป็นและมีผลอย่างมากต่อการสมัครงาน โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนเยอรมันอย่างเราๆ
นอกจากประสบการณ์ในการทำงานจริงๆแล้ว เรายังได้เรียนรู้ สังคมการทำงานของที่นี่ และการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานชาวเยอรมัน ซึ่งแตกต่างจากที่ไทยพอสมควร
ถ้าเราเรียนต่อ หรือ ทำ Weiterbildung พอจบมาแล้ว ก็ต้องหางานทำอีกอยู่ดี ซึ่งการหาที่ฝึกงานสำหรับเรียนต่อสายอาชีพ ง่ายกว่าการสมัครเข้าทำงานมาก ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี่
- เงินเดือนของ Azubi หรือ ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ถูกกว่าเงินเดือนของพนักงงานประจำมากกว่าเป็นเท่าตัว
- บริษัทจะคาดหวังในผลการทำงานของพนักงานประจำสูงกว่ามาก ในขณะที่ผู้รับการฝึกอบรม ตลอดระยะเวลา 3 ปี คือ โอกาสในการเรียนรู้งานในบริษัทให้มากที่สุด
- บริษัทส่วนใหญ่จะรับพนักงานเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อเรียนรู้งาน ระบบ ขั้นตอนการทำงาน และวัฒนธรรมของบริษัทตั้งแต่ต้น เพื่อให้อยู่ทำงานที่บริษัทต่อ ดังนั้นโอกาสที่บริษัทจะรับเราเข้าทำงานต่อจึงสูงมาก นอกเสียจากผลงานหรือการปฏิบัติตนจะแย่จริงๆ
ข้อดีอีกอย่างของการเรียนสายอาชีพ คือ ไม่มีกำหนดอายุของผู้สมัคร อย่างเราเองกว่าจะเริ่มทำ Ausbildung อายุก็ 35 ปีแล้ว
8 ข้อ แชร์ประสบการณ์ของเราเอง เกี่ยวกับการสมัครและเรียนสายอาชีพในเยอรมนี
1️⃣ วุฒิการศึกษา และ ระดับความรู้ภาษาเยอรมัน
วุฒิการศึกษา
โดยทั่วไปแล้ว การสมัครเรียนสายอาชีพในเยอรมนี ไม่ได้มีกำหนดวุฒิการศึกษาไว้ตายตัว แต่ผู้ที่จะเข้าเรียนได้อย่างน้อยต้องมีความรู้และประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษา ซึ่งแล้วแต่สาขาอาชีพท่ีต้องการจะเรียน
เราเรียนจบปริญญาตรีจากเมืองไทย สาขาภาษาจีน ก็เลยใช่วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรียื่นสมัคร และมีประสบการณ์การทำงานที่เมืองไทยมาพอสมควร อีกทั้งยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารและการทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ก็ถือเป็นผลพลอยได้
ความรู้ภาษาเยอรมัน
ภาษาเยอรมันเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นมาก ไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนหรือทำงานในเยอรมนี อย่างน้อยควรจะมีความรู้ทางด้านภาษาเยอรมัน ระดับ B1 หรือ บางสาขาอาชีพ เช่น Ausbildung พยาบาล หรือ งานด้วยสาธารณสุข อาจจะใช้ระดับที่สูงขึ้นไปอีก
ตอนที่เราสมัคร มีความรู้ทางด้านภาษาเยอรมันแค่ B1 + Beruf เท่านั้นเอง
จากประสบการณ์ ถ้าภาษาเยอรมันไม่ดี จะมีปัญหามาก โดยเฉพาะในโรงเรียนฝึกอาชีพ เพราะจะฟังครูไม่รู้เรื่อง ตามเพื่อนในห้องไม่ทัน พอเวลาทำงานกลุ่ม ไม่มีใครอยากให้เข้ากลุ่มด้วย สุดท้ายทำให้เราเองไม่อยากไปโรงเรียน
ถ้าคุณต้องการเรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเอง กำลังมองหาหนังสือหรือสื่อการเรียน บทความนี้ ช่วยคุณได้
2️⃣ ใช้วีซ่า หรือ ใบอนุญาติแบบไหน
เราใช้วีซ่าติดตามสามีเข้ามาในเยอรมนี หลังจากนั้นก็ได้ใบอนุญาติ สิทธิเป็นผู้มีถิ่นท่ีอยู่ถาวร (Niederlassungserlaubnis) และต่อด้วยการยื่นขอสัญชาติเยอรมัน
3️⃣ การเตรียมตัว
โดยปกติการเรียนสายอาชีพในเยอรมนี จะเริ่ม วันที่ 1 สิงหาคม หรือ 1 กันยายนของทุกปี
เราใช้เวลาทั้งหมด 6 เดือน ในการเตรียมตัวและเตรียมเอกสารต่างๆ
ในขั้นตอนการหาอาชีพที่เราอยากเรียน อาชีพไหนบ้างที่น่าสนใจ หรือ สาขาต่างๆ มีเรียนเนื้อหาอะไรบ้าง เราเองเข้าไปดูตามโรงเรียนเอกชน หรือ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเกี่ยวกับสาขาต่างๆเหล่านั้น และสมัครรับ Newsteller หรือ จดหมายแนะนำเกี่ยวกับการเรียน มีสาขาหรือข้อมูลอะไรใหม่ๆบ้าง
✅ ข้อดี คือ เราได้รับข้อมูลและคำแนะนำโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยค่ะ และสามารถยกเลิกการรับจดหมายได้ทุกเวลาที่เราต้องการ
โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่างๆเหล่านี้ ต่างก็เปิดสอนสาขาและหลักสูตรเหมือนกันค่ะ เราสามารถลงเรียนได้ แต่เราต้องจ่ายเงินเรียนเอง
ถ้าใครสนใจอยากได้ข้อมูล สามารถเข้าไปในเว็บของ Laudius ข้างล่างได้ค่ะ ถ้าสนใจสาขาไหน ก็สมัครขอรับคำแนะนำ ข้อมูลข่าวสารได้ สมัครรับข้อมูลข่าวสารฟรีค่ะ
เช็คลิสต์เอกสาร ก่อนยื่นใบสมัครงาน (Bewerbungsunterlagen)
เรายื่นเอกสารตามลำดับนี้เลยค่ะ
- Anschreiben (จดหมายสมัครงาน มากสุด 2 หน้ากระดาษ)
- Lebenslauf (ประวัติโดยย่อ มากสุด 3 หน้ากระดาษ)
- Zeugnisse (ใบประกาศนียบัตรต่าง ๆ)
เอกสารทั้งหมดที่ยื่นไป ไม่ได้มีการเทียบวุฒิ แปลเอกสาร หรือรับรองเอกสารใดๆทั้งสิ้น ยื่นที่เป็นภาษาอังกฤษไปเลย แต่ถ้าเอกสารเป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาเยอรมันให้เรียบร้อยนะคะ
สิ่งที่สำคัญ คือ ยื่นเอกสารให้ครบตามที่บริษัทต้องการ หรือ ที่เขากำหนดไว้
5️⃣ หาบริษัทที่ฝึกงาน
ส่วนตัวคิดว่า การหาที่ฝึกงานเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ในขั้นตอนการสมัครเรียน เพราะการเรียนสายอาชีพระบบคู่ เราจะต้องหาที่ฝึกงานเอง ขั้นตอนเหมือนการสมัครงานทั่วไปเลยค่ะ คือ คุณจะต้องแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่นๆ ที่เป็นทั้งชาวเยอรมันหรือต่างชาติอื่นๆด้วย
ดังนั้นยิ่งสมัครเร็วเท่าไหร่ โอกาสได้ตำแหน่งงานดีๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เราสมัครไปทั้งหมดเกือบ 10 ที่ และมีเรียกสัมภาษณ์งานมา 4 ที่ ต่างสาขากันออกไป
หลังจากที่เราหาที่ฝึกงานได้แล้ว บริษัทจะเป็นผู้จัดการเรื่องโรงเรียนฝึกอาชีพ ตลอดทั้งการสมัครเรียน ลงทะเบียนเรียนต่างๆให้เราเอง นอกจากนี้บริษัทยังจ่ายค่าเรียนให้เราด้วยค่ะ
6️⃣ สัมภาษณ์งาน
เราวางแผนว่าจะไปสัมภาษณ์งานทั้ง 4 บริษัท ที่เรียกสัมภาษณ์มา ถึงแม้ว่าบางสาขาจะเป็นงานที่ไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ และคิดว่าถ้าได้งาน คงไม่ทำ แต่การลองไปสัมภาษณ์งานก็เป็นการฝึกสัมภาษณ์งานไปในตัวด้วยค่ะ
ที่แรกที่ไปสัมภาษณ์งาน เป็นสาขา E-Commerce ในบริษัทเล็กๆ ที่ตอนนั้นมีพนักงานแค่ 125 คน
รอบแรกเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ใช่เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง เป็นคำถามทั่วๆไป เช่น
- เราเป็นใคร มาจากไหน
- ทำไมถึงย้ายมาอยู่เยอรมนี
- ตอนนี้ทำอะไรอยู่ และอยากทำอะไรต่อในอนาคต
- ในอนาคตเห็นตัวเองอยู่จุดไหนในเยอรมนี
เขาแค่อยากรู้ว่า เราใช้ภาษาเยอรมันได้มากน้อยแค่ไหน สามารถสื่อสารได้ดีไหม หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ บริษัทก็นัดสัมภาษณ์แบบเจอตัว
พอเราไปถึง ผู้สัมภาษณ์งาน ไม่ถามเลยว่าเราเคยทำอะไรมา หรือ เรียนจบอะไรมา บอกแค่ว่า ข้อมูลเหล่านี้เขาอ่านในใบสมัครที่เราส่งแนบมาเรียบร้อยแล้ว แต่รอบนี้เขาอยากรู้จักตัวตนของเรา ว่าเป็นคนแบบไหน ลักษณะท่าทาง บุคลิกภาพ และทัศนคติ เหมาะสมและจะสามารถเข้ากับองกรค์ของเขาได้หรือไม่
การสัมภาษณ์งานรอบนี้ เริ่มต้นด้วยภาษาเยอรมัน แต่อยู่ๆหัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้าก็เปลี่ยนคำถามเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่บอกล่วงหน้า ซึ่งเราก็ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้การสัมภาษณ์งานจบลงด้วยดี 🥰
พอสัมภาษณ์งานเสร็จตอน 10 โมงกว่าๆ หัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้าก็ให้ทดลองทำงานทันที 2 ชม. คือ ให้ช่วยตอบอีเมลลูกค้า 👉 แบบนี้เรียก ins kalte Wasser werfen นะคะ 😅😅
พอการทดลองทำงานผ่านไป หัวหน้าฝ่ายบุคคลก็แจ้งเลยทันทีว่า ได้งาน
เราตกลงเรียนสาขา E-Commerce กับบริษัทแรกที่สัมภาษณ์งาน ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ด้วยความชอบในสาขางาน ระบบการทำงาน และความเป็นกันเองของพนักงานในบริษัท บวกกับทำเลที่ตั้งของบริษัท เราจึงตัดสินใจเลือกทำงานที่นี้ มากกว่า บริษัทใหญ่ที่เรียกสัมภาษณ์มา สุดท้ายก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์งานที่อื่นเลย
ปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งตอนนี้มีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 350 คน
เหตุผลที่เลือกฝึกงานกับบริษัทขนาดเล็ก เพราะจะทำให้เรามีโอกาสในการทำงานหลากหลาย และบริษัทไม่ได้มีโครงสร้างและขั้นตอนที่ซับซ้อน ทำให้เราได้ทดลองทำงานทุกอย่างจริง
เราเขียนบทความเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน 6 Tipps ง่ายๆ สัมภาษณ์งานในเยอรมนี…ให้ได้งาน ใครสนใจสามารถเข้าไปดูได้เลยค่ะ
7️⃣ ฝึกงานในบริษัท และ เรียนในโรงเรียนฝึกอาชีพ
การฝึกงานเริ่มวันที่ 1 สิงหาคม
ปีแรกจะเรียนพื้นฐานที่โรงเรียนฝึกอาชีพเยอะหน่อย คือ ฝึกงานที่บริษัท 3 วัน และ เรียน 2 วัน ต่อสัปดาห์ ปีที่ 2 และ 3 จะทำงานมากขึ้น เปลี่ยนเป็น ทำงาน 4 วัน และ เรียนแค่ 1 วัน ต่อสัปดาห์
เราได้ทำงานจริงในเกือบจะทุกแผนกของบริษัท ที่เราสนใจ ทำให้ได้ประสบการณ์ในการทำงานจริงๆ หลังจากเรียนสายอาชีพจบแล้ว ฝ่ายบุคคลถามเลยว่า อยากทำงานแผนกไหน
นี่คือแผนกและจำนวนเวลาที่เราฝึกงานค่ะ
- แผนกการบริการลูกค้า (10 เดือน – ติดต่อลูกค้าทั้งทางอีเมลและโทรศัพท์)
- แผนกจัดซื้อ ( 6 เดือน)
- ผู้ดูแลและบริหารจัดการข้อมูลสินค้าที่อยู่บนเว็บไซต์ (9 เดือน)
- แผนกบัญชี (4 เดือน)
- แผนกการตลาด (7 เดือน)
8️⃣ รายได้ระหว่างทำการฝึกอบรม
ผู้ที่เรียนสายอาชีพระบบ คู่ สาขา E-Commerce มีรายได้ในระหว่างฝึกงาน
รายได้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ฝึกงานด้วย อย่างเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ฝึกงานกับ TUI Sennheiser หรือ Rossmann เงินเดือนปีแรกจะมากกว่า 1000 ยูโร / เดือน
แต่บริษัทที่เราทำ อยู่ในระดับกลางๆ ก็จะแค่ 850 ยูโร / เดือน
นี่คือรายได้โดยประมาณที่ยังไม่ได้หักภาษี
- ปีการศึกษาแรก ประมาณ 700 – 800 ยูโร / เดือน
- ปีการศึกษาที่สอง ประมาณ 800 – 900 ยูโร / เดือน
- ปีการศึกษาที่สาม ประมาณ 900 – 1000 ยูโร / เดือน
เราทำการฝึกอบรมแบบ Teilzeit คือ แค่ 30 ชม. / สัปดาห์ ทำให้เงินเดือนลดลงไปอีก
ส่วนตัวเลือกอาชีพที่เราอยากทำจริงๆ และรายได้ “โอเค” มากกว่า อาชีพที่รายได้เยอะขึ้น แต่เป็นงานที่เราไม่ชอบ
ปัญหาและสิ่งที่ได้เรียนรู้
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการเรียนสายอาชีพของเรา คือ ภาษาเยอรมัน และ การจัดสรรเวลา
🇩🇪 ภาษาเยอรมัน
ภาษาเยอรมันในบริษัทที่ฝึกงาน
เพื่อนร่วมงานไม่ได้คิดว่า เราคือ นักเรียนที่มาเรียนภาษาเยอรมัน แต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่มีศักยภาพ เขาคาดหวังว่า เราจะเข้าใจทุกอีเมลที่ส่งถึงเรา เน้ือหาของงาน หรือ อื่นๆ และต้องทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
ไม่มีเวลามาเปิด google translation ทุกคำศัพท์ หรือทุกครั้งที่เขียนอีเมลตอบลูกค้า
ช่วงที่อยู่ แผนกบริการลูกค้า เราตอบอีเมลลูกค้า ไม่ต่ำกว่า 40 อีเมลต่อวัน เนื้อหายากบ้าง ง่ายบ้าง แล้วแต่จะเจอ ไม่รวมรับโทรศัพท์ลูกค้า ยิ่งช่วงคริสต์มาส จำนวนอีเมลยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หนักและเหนื่อยมาก แต่ทำให้เราได้ประสบการณ์เยอะมากจริงๆ
สิ่งที่เราทำ คือ
- พยายามทำความเข้าใจและเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด
- ดูว่าหัวข้อไหนบ้างที่จะต้องตอบลูกค้า ร่างอีเมลที่เป็นเหมือนตัวอย่างไว้ก่อน เช่น คำขึ้นต้น ลงท้าย หรือ บทนำ ที่สามารถก๊อปปี้ แล้วนำไปใช้ได้ เพียงแค่แก้ไข หรือเพิ่มเติมเนื้อหานิดหน่อย จะทำให้ทำงานเร็วขึ้น และที่สำคัญใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง
ภาษาเยอรมันในโรงเรียนฝึกอาชีพ
แรกๆมีปัญหามาก เพราะฟังครูในห้องไม่รู้เรื่อง ตามเพื่อนในห้องไม่ทัน พอเวลาทำงานกลุ่ม ไม่มีใครอยากให้เข้ากลุ่มด้วย ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเพื่อนร่วมชั้นของเราเป็นชาวเยอรมันทั้งหมด และอายุระหว่าง 20-25 เท่านั้นเอง
สิ่งที่เราทำ คือ
- เตรียมบทเรียนมาก่อนล่วงหน้า ถามครูที่สอนว่า อาทิตย์หน้าเราจะเรียนหัวข้อไหน หรือ ถ้าเป็นไปได้ ให้ครูแจกสื่อการเรียนหรือเอกสารที่เราต้องใช้ในครั้งต่อไป อ่านและทำความเข้าใจมาก่อน และเตรียมคำถามด้วย
จากประสบการณ์ เราได้เรียนภาษาเยอรมันจริงๆอย่างเต็มรูปแบบ คือ ในช่วงที่เราทำงาน
⏰ การจัดสรรเวลา
การจัดสรรเวลา เป็นอีกอย่างที่เป็นปัญหามากสำหรับเรา
ในช่วงที่เริ่มเรียนสายอาชีพ เราเลี้ยงลูก 2 คนเองไปพร้อมกันด้วย ซึ่งตอนนั้นคนโตเพิ่งอายุได้แค่ 4 ขวบ ส่วนคนเล็กแค่ 2 ขวบครึ่งเองค่ะ เรียกได้ว่า ทั้งเรียน ทำงาน และเลี้ยงลูกเองไปพร้อมกัน
ระหว่าง เรียน ทำงาน เลี้ยงลูกเอง สามี และไหนจะงานบ้านอีก ทำให้การหาเวลาอ่านหนังสือหรือเตรียมบทเรียนก่อนล่วงหน้า เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมาก
👉 เวลาเดียวที่เราสามารถอ่านหนังสือหรือเตรียมบทเรียนก่อนล่วงหน้าได้ คือ เวลาที่ทุกคนในบ้านหลับ นั้นคือ หลัง 4 ทุ่มไปแล้ว
สิ่งที่ได้เรียนรู้
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เยอรมนี เรียนภาษาเยอรมัน สอบในขับขี่ เรียนสายอาชีพ จนบริษัทรับเข้าทำงานต่อ และทำงานถึงตอนนี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ
- ถ้ามีเป้าหมายที่ชัดเจน และนั้นคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เราจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ถ้าเราบอกว่า ไม่มีเวลา เราจะหาเวลาทำมันจนได้ 👉 ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเราไปได้
- ถ้าเราบอกชาวเยอรมันว่า ทำ Ausbildung จบ และบริษัทรับเราเข้าทำงานต่อเลย เขาจะมองเราอย่างให้เกียรติ เราจะรู้สึก มีความสุข มีศักดิ์ศรี และ มีคุณค่าจากการได้รับการยอมรับ และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่มีค่าของสัมคมที่นี่
- คนไทยมีประสิทธิภาพ และ ศักยภาพในการทำงานเทียบเท่าหรือมากกว่าชาวเยอรมันและชาวต่างชาติอื่นๆ
คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าเรา เขาไม่ได้เก่งกว่าเรา เขาแค่พยายามมากกว่าเราเท่านั้นเอง
ตั้งเป้าหมายของคุณให้ชัดเจน แล้วเริ่มออกเดินทาง ยิ่งคุณเริ่มเร็วเท่าไหร่ จุดหมายปลายทางของคุณยิ่งใกล้เข้ามาเท่านั้น
สู้ๆค่ะ ถ้าเราทำได้ คุณก็ทำได้ค่ะ
[…] […]
จขกท อยู่ที่เยอรมันอยู่แล้วใช่ไหมคะตอนสมัคร ausbildung